คำแนะนำการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายของห้างหุ้นส่วนจำกัด

  1. ป้ายชื่อ ดวงตรา และเอกสารของห้างฯ จะต้องมีคำว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” หรือ “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” ตามประเภทของห้างฯ
  2. การลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนต้องถูกต้องตามความเป็นจริงและตรงกับรายการที่ขอจดทะเบียน
  3. หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชี งบการเงิน และการนำส่งงบการเงินตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้
    1. การจัดทำบัญชีของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล และห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
      1. จัดให้มีผู้ทำบัญชีที่มีคุณสมบัติตามที่อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าประกาศ กล่าวคือ ผู้ทำบัญขีของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ซึ่ง ณ วันปิดบัญชีในรอบปีบัญชีที่ผ่านมามีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท สินทรัพย์รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท และรายได้รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท ต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าอนุปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ทางการบัญชีหรือเทียบเท่าจากสถานการศึกษา ซึ่งทบวงมหาวิทยาลับหรือคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) หรือ กระทรวงศึกษาธิการเทียบว่าไม่ต่ำกว่าอนุปรญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวส.) ทางการบัญชี แต่ถ้าห้างฯ มีทุนจดทะเบียนหรือสินทรัพย์รวมหรือรายได้รวมรายการใดรายหนึ่งเกินกว่าที่กำหนดข้างต้น ผู้ทำบัญชีต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบัญชีหรือเทียบเท่าจากสถาบันการศึกษาซึ่งทบวงมหาวิทยาลัยหรือคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) หรือกระทรวงศึกษาธิการเทียบว่าไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบัญชี
      2. จัดทำและรวบรวมเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีเพื่อเป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชีและส่งมอบให้ผู้ทำบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วน
      3. ควบคุมดูแลผู้ทำบัญชีให้จัดบัญชีให้ตรงต่อความเป็นจริงและถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้บัญชีที่จัดทำขึ้นแสดงผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงิน ตามความเป็นจริงและตามมาตรฐานการบัญชี
    2. เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย โดยจะต้องจัดทำบัญชีตามที่กำหนดในประกาศกรมทะเบียนการค้า เรื่องกำหนดชนิดของบัญชีที่ต้องจัดทำ ข้อความและรายการที่ต้องมีในบัญชี ระยะเวลาที่ต้องลงรายการในบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี พ.ศ.2544
    3. ปิดบัญชีครั้งแรกภายใน 12 เดือนนับแต่วันที่มีหน้าที่จัดทำบัญชี คือนับแต่วันที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย และปิดบัญชีครั้งต่อไปทุกรอบ 12 เดือนนับแต่วันปิดบัญชีครั้งก่อน
    4. จัดทำงบการเงิน โดยมีรายการย่อตามที่กำหนดในแบบ 1 ตามประกาศกรมทะเบียนการค้า เรื่องกำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ.2544 และจัดให้มีผุ้สอบบัญชีอนุญาตตรวจสอบ และแสดงความเห็นต่องบการเงินด้วย เว้นแต่กรณีที่งบการเงินของห้างฯ ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท สินทรัพย์รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท และรายได้รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท ไม่ต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและการแสดงความเห็นต่องบการเงินที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2545 เป็นต้นไป
    5. นำส่งงบการเงินภายใน 5 เดือนนับแต่วันที่ปิดบัญชี โดยดำเนินการดังนี้
      1. กรณีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นที่สำนักบริการข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า อาคาร 3 ชั้น 3 ห้อง 30303
      2. กรณีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่จังหวัดอื่น ให้ยื่นที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจจังหวัดที่ธุรกิจตั้งอยู่ หรือยื่นที่สำนักบริการข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า อาคาร 3 ชั้น 3 ห้อง 30303  (การยื่นงบการเงิน อาจยื่นโดยตรงต่อเจ้าหน้าที่หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังสถานที่ดังกล่าวข้างต้นพร้อมแนบซองที่จ่าหน้ากลับคืนถึงตัวผู้รับพร้อมผนึกดวงตราไปรษณียากรให้ครบถ้วน)
    6. เก็บรักษาบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ ณ สถานที่ทำการ หรือสถานที่ที่ใช้เป็นที่ทำการผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจำ หรือสถานที่ที่ใช้เป็นที่ทำงานเป็นประจำ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันปิดบัญชี กรณีที่จำเป็นในการตรวจสอบบัญชีของกิจการประเภทใดประเภทหนึ่ง อธิบดีโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีอาจกำหนดให้เก็บรักษาบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้เกิน 5 ปี แต่ไม่เกิน 7 ปีก็ได้
  4. การดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี ที่มีผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีจะต้องขออนุญาตต่อสารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีประจำสำนักงานบัญชีประจำท้องที่ตามกฎหมายกำหนด มีดังนี้
    1. การขออนุญาตเปลี่ยนรอบปีบัญชี จะต้องยื่นคำขอตามแบบ ส.บช.4 พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานตามที่ได้ระบุไว้ในแบบดังกล่าว เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะเปลี่ยนรอบปีบัญชีได้
    2. การขออนุญาตเก็บรักษาบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ ณ สถานที่อื่น จะต้องยื่นคำขอตามแบบ ส.บช.1 พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานตามที่ได้ระบุไว้ในแบบดังกล่าว โดยในระหว่างรอการอนุญาตให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีเก็บรักษาบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ ณ สถานที่ที่ยื่นขออนุญาตไปพลางก่อนได้ หากต่อมาได้นำบัญชีหรือเอกสารประกอบการลงบัญชีนั้นทั้งหมด หรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปเก็บรักษาไว้ ณ สถานที่ตามข้อ 3.6 ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้นภายใน 15 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง
    3. การแจ้งบัญชีหรือเอกสารประกอบการลงบัญชีสูญหายหรือเสียหาย จะต้องยื่นแบบ ส.บช.2 พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานตามที่ได้ระบุไว้ในแบบดังกล่าวภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบหรือควรทราบถึงการสูญหายหรือเสียหายนั้น
  5. การเปลี่ยนแปลงที่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล/ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องไปจดทะเบียน แก้ไขเพิ่มเติมต่อนายทะเบียน ได้แก่
    1. การควบห้างหุ้นส่วน
    2. การเปลี่ยนแปลงห้างหุ้นส่วน (เพิ่มทุน/ลดทุน)
    3. การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วน
    4. การเปลี่ยนแปลงดวงตราของห้างหุ้นส่วน
    5. การเปลี่ยนแปลงผู้เป็นหุ้นส่วน
    6. การเปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนผู้จัดการ/ข้อจำกัดอำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการ
    7. การเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ และ/หรือสำนักงานสาขา
    8. การเปลี่ยนแปลงรายการอื่นๆ ที่เห็นสมควรให้ประชาชนทราบ
  6. การเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล/ห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนเช่นกันโดยดำเนินการตามขั้นตอน หลักเกณฑ์และวิธีการตามที่กฎหมายกำหนด จนเสร็จสิ้นการชำระบัญชี และห้างฯ ต้องไปจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีต่อนายทะเบียนด้วย จึงจะถือว่าห้างฯ นั้นเลิกกิจการตามผลของกฎหมายโดยสมบูรณ์
ที่มา..เอกสารประชาสัมพันธ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น