การให้บริการเริ่มต้นธุรกิจ ณ จุดเดียว (Single Point)

วันที่ 19 สิงหาคม 2553

เรื่อง การให้บริการเริ่มต้นธุรกิจ ณ จุดเดียวกัน (Single Point)ในโครงการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลการเริ่มต้นธุรกิจ (e- Starting Business

การให้บริการเริ่มต้นธุรกิจ ณ จุดเดียวกัน (Single Point)

โครงการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลการเริ่มต้นธุรกิจ (e- Starting Business)

---------------------------------------------------------------------------------------------

1. ที่มา และแนวทางความร่วมมือดำเนินการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลการเริ่มต้นธุรกิจ (e- Starting Business)

1.1 ตามที่รัฐบาลมีนโยบายด้านเศรษฐกิจในการเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันและการสร้างความ เชื่อมั่นด้านการลงทุน ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 ได้เห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการปรับปรุงกระบวนการให้บริการเพื่อเพิ่ม ขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจภายในประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งตามรายงานผลการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ของธนาคารโลก (World Bank) ในปี 2553 ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในลำดับที่ 12 จากจำนวน 183 ประเทศ รัฐบาลจึงมีนโยบายที่ต้องการให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่ง่ายต่อการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) อันจะส่งผลต่อการจัดอันดับของประเทศไทยให้สูงขึ้นจากเดิมในลำดับที่ 12 เป็นลำดับที่ 9 ของโลก

1.2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) จึงได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประสานความร่วมมือกับกรมสรรพากร และสำนักงานประกันสังคม ซึ่งเป็น 3 หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการเริ่มต้นธุรกิจ โดยได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2553 เพื่อพัฒนาระบบออกเลขทะเบียนของทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ เลขทะเบียนนิติบุคคล (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (กรมสรรพากร) และเลขที่บัญชีนายจ้าง (สำนักงานประกันสังคม)

1.3 โครงการดังกล่าวได้กำหนดแนวทางดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ

ระยะที่ 1 การให้บริการ ณ จุดเดียวกัน (Single Point) การใช้แบบฟอร์มร่วมกัน (Single Form) การใช้เอกสารประกอบชุดเดียวกัน(Single Document) โดยให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคล ขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร และเลขที่บัญชีนายจ้าง

ระยะที่ 2 การใช้ระบบเลขทะเบียนเดียวกัน (Single Number) ทั้ง 3 หน่วยงาน กำหนดแล้วเสร็จปี 2554

ขณะนี้ระยะที่ 1 ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และได้จัดให้มีมีพิธีเปิดบริการเริ่มต้นธุรกิจ ณ จุดเดียวกัน (Single Point) เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2553 โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ได้กรุณาให้เกียรติเป็นประธาน

2.การให้บริการ Single Point

  1. สามารถเปิดให้บริการ ณ จุดเดียวกัน(Single Point) ณ ส่วนจดทะเบียนธุรกิจกลาง(สนามบินน้ำ) ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2553
  2. สามารถเปิดให้บริการ ณ จุดเดียวกัน (Single Point) ในเขตกรุงเทพมหานคร ณ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 1-5 (ปิ่นเกล้า, พระราม 6, รัชดาภิเษก, สีลม, สุรวงศ์) และสำนักงานสาขา (หอการค้าไทย, ศูนย์ส่งออกเบ็ดเสร็จ และศูนย์ OSOS) ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2553
  3. กำหนดเปิดให้บริการ ณ จุดเดียวกัน (Single Point) ในส่วนภูมิภาค ณ สำนักพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดทั้ง 75 จังหวัด ในวันที่ 1 ตุลาคม 2553

3.ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการฯ

  1. ประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ
    1. ลดขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจจาก 7 ขั้นตอน เหลือ 5 ขั้นตอน
    2. ลดระยะเวลาการจดทะเบียนเริ่มต้นธุรกิจจาก 4 วัน เหลือ 90 นาที
    3. ประหยัดเวลาของประชาชนที่ต้องติดต่อ 3 หน่วยงาน เหลือ 1 หน่วยงาน
    4. ผู้ประกอบการที่ขอจดจัดตั้งนิติบุคคลจะได้รับเลขทะเบียนนิติบุคคลพร้อมเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร และเลขที่บัญชีนายจ้าง ทั้งนี้เลขทะเบียนนิติบุคคลจะเป็นเลขเดียวกัน กับเลขที่บัญชีนายจ้าง ซึ่งมีผลทางกฎหมายเมื่อผู้ประกอบการมีลูกจ้างเท่านั้น
  2. ประโยชน์ที่ประเทศชาติได้รับ
    1. เป็นประเทศที่ง่ายต่อการเริ่มต้นธุรกิจ
    2. เป็นจุดเริ่มต้นการบูรณาการของภาครัฐในการให้บริการแบบ Single Point อย่างแท้จริง
    3. เป็นจุดเริ่มต้นของการแลกเปลี่ยนข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ
    4. ใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างคุ้มค่า เช่น บุคลากร เทคโนโลยี
    5. ลดการใช้กระดาษ (Less Paper)
    6. นำไปสู่ e-Government

สำนักทะเบียนธุรกิจ
ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านทะเบียนธุรกิจ

DBD E-Newsletter

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น