ที่มา.. The Krungthep turakij web site : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
แนวปฏิบัติในการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยน ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548 ตอน 1
14 มีนาคม พ.ศ. 2550 07:37:00
กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 9 มาตรา 65(5)(8) และมาตรา 79/4 แห่งประมวลรัษฎากร ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548 ลงวันที่ 28 กันยายน 2548 โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2548 จึงขอนำมาเป็นประเด็น ปุจฉา-วิสัชนา ดังนี้
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ปุจฉา แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเงินตรา ทรัพย์สินและหนี้สินที่มีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่รับมาหรือจ่ายไประหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ตามมาตรา 65 ทวิ (5) แห่งประมวลรัษฎากร อย่างไร
วิสัชนา กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับมาหรือจ่ายไปซึ่งเงินตรา ทรัพย์สินหรือหนี้สิน ซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้น ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร
1.ราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไป กรณีการได้รับเงินหรือจ่ายเงินเป็นเงินตราต่างประเทศ (กรณีรับจ่ายเงินสด) หมายถึง อัตราแลกเปลี่ยน (อัตราซื้อหรืออัตราขาย) ที่ได้รับมาหรือจ่ายไปจริง ในทางปฏิบัติจากการนำเงินสกุลต่างประเทศไปแลกเป็นเงินสกุลบาท
2. ราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไป กรณีการบันทึกบัญชี ณ วันที่เกิดรายการทรัพย์สิน หรือหนี้สิน (กรณีที่ยังมิได้รับจ่ายเป็นเงินสด) หมายถึง
(1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อหรืออัตราขาย) หรือ
(2) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยหรืออัตราขายถัวเฉลี่ย) (ก) กรณีอัตราซื้อถัวเฉลี่ยอาจใช้อัตรา SIGHT หรือ T/T ก็ได้ หมายถึง อัตราซื้อถัวเฉลี่ยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศไว้ ณ วันทำการนั้นๆ ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนซื้อถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการก่อน (ข) กรณีอัตราขายหมายถึง อัตราขายถัวเฉลี่ยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศไว้ ณ วันทำการนั้นๆ ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนขายถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการก่อน ซึ่งผู้ประกอบการมีสิทธิเลือกถือปฏิบัติตามข้อ (1) หรือ (2) อย่างใดอย่างหนึ่ง และเมื่อได้เลือกถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใดแล้ว ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นั้นตลอดไป ห้ามมิให้เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ตามหลักความสม่ำเสมอ
ปุจฉา แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเงินตรา ทรัพย์สินและหนี้สินที่มีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศคงเหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ตามมาตรา 65 ทวิ (5) แห่งประมวลรัษฎากร อย่างไร
วิสัชนา มาตรา 65 ทวิ (5) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเงินตรา ทรัพย์สินและหนี้สินที่มีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศคงเหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ดังนี้
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนอกจากธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่นตามที่รัฐมนตรีกำหนดมีเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวคำนวณค่าหรือราคาของเงินตราหรือทรัพย์สินเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย ได้คำนวณไว้ และให้คำนวณค่าหรือราคาของหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ขาย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้
ทั้งนี้ตามมาตรา 65 ทวิ (5) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามวรรคหนึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่นที่รัฐมนตรีกำหนด มีเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อ และอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้
ทั้งนี้ตามมาตรา 65 ทวิ (5) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ทรัพย์สิน หรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องคำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยตามวรรคหนึ่ง และสอง หมายถึง เงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีสิทธิเรียกร้องที่จะได้รับหรือมีภาระผูกพันที่จะต้องชำระเป็นเงินตราต่างประเทศเป็นจำนวนเงินที่กำหนดไว้แน่นอน เช่น เงินฝากธนาคาร (Cash) ลูกหนี้การค้า (Account Receivable) ลูกหนี้และตั๋วเงินรับจากการขายสินค้า (Accounts and Notes Receivable) หลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด (Marketable Securities) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดทันทีที่ต้องการ แต่ไม่รวมถึงตราสารทุนซึ่งเป็นเงินลงทุนระยะยาวที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศเพื่อหวังเงินปันผลในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ เงินให้กู้ยืมแก่บริษัทในเครือเดียวกัน (Loan to Subsidiaries) ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า (Prepaid Expense) เจ้าหนี้จากการซื้อสินค้า (Accounts Payable) ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย (Accrued Expense) เป็นต้น
ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548 ตอน 2
21 มีนาคม พ.ศ. 2550 07:19:00
ขอนำประเด็นแนวปฏิบัติในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 9 มาตรา 65(5)(8) และมาตรา 79/4 แห่งประมวลรัษฎากร ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548 ลงวันที่ 28 กันยายน 2548 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2548
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : มาปุจฉา - วิสัชนา ต่อจากสัปดาห์ก่อนดังนี้
ปุจฉา กรณีบริษัท ก จำกัด ส่งออกสินค้าหรือให้บริการ แก่บริษัทในต่างประเทศ โดยตกลงราคาสินค้าเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศ บริษัท ก จำกัด จะปฏิบัติเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนในการบันทึกบัญชีเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลอย่างไร
วิสัชนา บริษัท ก จำกัด มีสิทธิใช้อัตราแลกเปลี่ยนในการบันทึกบัญชีเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังนี้
1. กรณีดำเนินการส่งออกสินค้าและบันทึกบัญชีในวันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 25xx (1) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (อัตราซื้อ) ของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในวันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 25xx หรือ (2) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยซึ่งจะเป็น SIGHT หรือ T/T ก็ได้) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ ณ วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 25xx ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันพุธที่ 2 มีนาคม 25xx
2. กรณีดำเนินการส่งออกสินค้าและบันทึกบัญชีในวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 25xx (1) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (อัตราซื้อ) ของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 25xx หรือ (2) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยซึ่งจะเป็น SIGHT หรือ T/T ก็ได้) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ ณ วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 25xx ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 25xx เนื่องจากวันเสาร์ที่ 12 และวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 25xx เป็นวันหยุดราชการ
3. กรณีดำเนินการออกใบแจ้งหนี้ค่าบริการนายหน้า และบันทึกบัญชีในวันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 25xx (1) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (อัตราซื้อ) ของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในวันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 25xx หรือ (2) ใช้อัตราและเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยซึ่งจะเป็น SIGHT หรือ T/T ก็ได้) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ ณ วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 25xx ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันอังคารที่ 5 เมษายน 25xx เนื่องจากวันพุธที่ 6 เมษายน 25xx เป็นวันหยุดทำการของธนาคาร
ปุจฉา กรณีบริษัท ข จำกัด ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารในต่างประเทศ บริษัท ข จำกัด ในวันเสาร์ที่ 23 เมษายน 25xx หรือวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 25xx จะปฏิบัติเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนในการบันทึกบัญชีเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลอย่างไร
วิสัชนา บริษัท ข จำกัด มีสิทธิใช้อัตราแลกเปลี่ยนในการบันทึกบัญชีเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังนี้
1. ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (อัตราขาย) ของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยดังนี้ - อัตราที่ประกาศในวันศุกร์ที่ 22 เมษายน 25xx กรณีบันทึกบัญชีในวันเสาร์ที่ 23 เมษายน 25xx และ - อัตราที่ประกาศในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน 25xx กรณีบันทึกบัญชีในวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 25xx
2. ใช้อัตราและเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวัน (อัตราขายถัวเฉลี่ย) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศ - อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ประกาศไว้ ณ วันศุกร์ที่ 22 เมษายน 25xx ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน 25xx กรณีบันทึกบัญชีในวันเสาร์ที่ 23 เมษายน 25xx และ - อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ประกาศไว้ ณ วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 25xx (บ่าย) ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยนของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันศุกร์ที่ 29 เมษายน 25xx กรณีบันทึกบัญชีในวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 25xx เนื่องจากในวันทำการสุดท้ายของเดือนหนึ่งเดือนใด ธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกประกาศอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการนั้นอีกหนึ่งฉบับ อนึ่ง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ประกาศไว้ ณ วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 25xx (บ่าย) ดังกล่าว ให้ใช้สำหรับการบันทึกบัญชีสำหรับรายการที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 25xx และวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 25xx ด้วย (ถ้ามี)
โดย สุเทพ พงษ์พิทักษ์
แนวปฏิบัติในการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยน ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548 ตอน 1
14 มีนาคม พ.ศ. 2550 07:37:00
กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 9 มาตรา 65(5)(8) และมาตรา 79/4 แห่งประมวลรัษฎากร ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548 ลงวันที่ 28 กันยายน 2548 โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2548 จึงขอนำมาเป็นประเด็น ปุจฉา-วิสัชนา ดังนี้
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ปุจฉา แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเงินตรา ทรัพย์สินและหนี้สินที่มีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่รับมาหรือจ่ายไประหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ตามมาตรา 65 ทวิ (5) แห่งประมวลรัษฎากร อย่างไร
วิสัชนา กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับมาหรือจ่ายไปซึ่งเงินตรา ทรัพย์สินหรือหนี้สิน ซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้น ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร
1.ราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไป กรณีการได้รับเงินหรือจ่ายเงินเป็นเงินตราต่างประเทศ (กรณีรับจ่ายเงินสด) หมายถึง อัตราแลกเปลี่ยน (อัตราซื้อหรืออัตราขาย) ที่ได้รับมาหรือจ่ายไปจริง ในทางปฏิบัติจากการนำเงินสกุลต่างประเทศไปแลกเป็นเงินสกุลบาท
2. ราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไป กรณีการบันทึกบัญชี ณ วันที่เกิดรายการทรัพย์สิน หรือหนี้สิน (กรณีที่ยังมิได้รับจ่ายเป็นเงินสด) หมายถึง
(1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อหรืออัตราขาย) หรือ
(2) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยหรืออัตราขายถัวเฉลี่ย) (ก) กรณีอัตราซื้อถัวเฉลี่ยอาจใช้อัตรา SIGHT หรือ T/T ก็ได้ หมายถึง อัตราซื้อถัวเฉลี่ยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศไว้ ณ วันทำการนั้นๆ ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนซื้อถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการก่อน (ข) กรณีอัตราขายหมายถึง อัตราขายถัวเฉลี่ยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศไว้ ณ วันทำการนั้นๆ ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนขายถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการก่อน ซึ่งผู้ประกอบการมีสิทธิเลือกถือปฏิบัติตามข้อ (1) หรือ (2) อย่างใดอย่างหนึ่ง และเมื่อได้เลือกถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใดแล้ว ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นั้นตลอดไป ห้ามมิให้เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ตามหลักความสม่ำเสมอ
ปุจฉา แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเงินตรา ทรัพย์สินและหนี้สินที่มีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศคงเหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ตามมาตรา 65 ทวิ (5) แห่งประมวลรัษฎากร อย่างไร
วิสัชนา มาตรา 65 ทวิ (5) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเงินตรา ทรัพย์สินและหนี้สินที่มีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศคงเหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ดังนี้
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนอกจากธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่นตามที่รัฐมนตรีกำหนดมีเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวคำนวณค่าหรือราคาของเงินตราหรือทรัพย์สินเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย ได้คำนวณไว้ และให้คำนวณค่าหรือราคาของหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ขาย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้
ทั้งนี้ตามมาตรา 65 ทวิ (5) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามวรรคหนึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่นที่รัฐมนตรีกำหนด มีเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อ และอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้
ทั้งนี้ตามมาตรา 65 ทวิ (5) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ทรัพย์สิน หรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องคำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยตามวรรคหนึ่ง และสอง หมายถึง เงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีสิทธิเรียกร้องที่จะได้รับหรือมีภาระผูกพันที่จะต้องชำระเป็นเงินตราต่างประเทศเป็นจำนวนเงินที่กำหนดไว้แน่นอน เช่น เงินฝากธนาคาร (Cash) ลูกหนี้การค้า (Account Receivable) ลูกหนี้และตั๋วเงินรับจากการขายสินค้า (Accounts and Notes Receivable) หลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด (Marketable Securities) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดทันทีที่ต้องการ แต่ไม่รวมถึงตราสารทุนซึ่งเป็นเงินลงทุนระยะยาวที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศเพื่อหวังเงินปันผลในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ เงินให้กู้ยืมแก่บริษัทในเครือเดียวกัน (Loan to Subsidiaries) ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า (Prepaid Expense) เจ้าหนี้จากการซื้อสินค้า (Accounts Payable) ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย (Accrued Expense) เป็นต้น
ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548 ตอน 2
21 มีนาคม พ.ศ. 2550 07:19:00
ขอนำประเด็นแนวปฏิบัติในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 9 มาตรา 65(5)(8) และมาตรา 79/4 แห่งประมวลรัษฎากร ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548 ลงวันที่ 28 กันยายน 2548 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2548
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : มาปุจฉา - วิสัชนา ต่อจากสัปดาห์ก่อนดังนี้
ปุจฉา กรณีบริษัท ก จำกัด ส่งออกสินค้าหรือให้บริการ แก่บริษัทในต่างประเทศ โดยตกลงราคาสินค้าเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศ บริษัท ก จำกัด จะปฏิบัติเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนในการบันทึกบัญชีเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลอย่างไร
วิสัชนา บริษัท ก จำกัด มีสิทธิใช้อัตราแลกเปลี่ยนในการบันทึกบัญชีเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังนี้
1. กรณีดำเนินการส่งออกสินค้าและบันทึกบัญชีในวันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 25xx (1) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (อัตราซื้อ) ของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในวันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 25xx หรือ (2) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยซึ่งจะเป็น SIGHT หรือ T/T ก็ได้) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ ณ วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 25xx ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันพุธที่ 2 มีนาคม 25xx
2. กรณีดำเนินการส่งออกสินค้าและบันทึกบัญชีในวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 25xx (1) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (อัตราซื้อ) ของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 25xx หรือ (2) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยซึ่งจะเป็น SIGHT หรือ T/T ก็ได้) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ ณ วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 25xx ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 25xx เนื่องจากวันเสาร์ที่ 12 และวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 25xx เป็นวันหยุดราชการ
3. กรณีดำเนินการออกใบแจ้งหนี้ค่าบริการนายหน้า และบันทึกบัญชีในวันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 25xx (1) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (อัตราซื้อ) ของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในวันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 25xx หรือ (2) ใช้อัตราและเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยซึ่งจะเป็น SIGHT หรือ T/T ก็ได้) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ ณ วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 25xx ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันอังคารที่ 5 เมษายน 25xx เนื่องจากวันพุธที่ 6 เมษายน 25xx เป็นวันหยุดทำการของธนาคาร
ปุจฉา กรณีบริษัท ข จำกัด ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารในต่างประเทศ บริษัท ข จำกัด ในวันเสาร์ที่ 23 เมษายน 25xx หรือวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 25xx จะปฏิบัติเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนในการบันทึกบัญชีเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลอย่างไร
วิสัชนา บริษัท ข จำกัด มีสิทธิใช้อัตราแลกเปลี่ยนในการบันทึกบัญชีเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังนี้
1. ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (อัตราขาย) ของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยดังนี้ - อัตราที่ประกาศในวันศุกร์ที่ 22 เมษายน 25xx กรณีบันทึกบัญชีในวันเสาร์ที่ 23 เมษายน 25xx และ - อัตราที่ประกาศในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน 25xx กรณีบันทึกบัญชีในวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 25xx
2. ใช้อัตราและเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวัน (อัตราขายถัวเฉลี่ย) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศ - อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ประกาศไว้ ณ วันศุกร์ที่ 22 เมษายน 25xx ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน 25xx กรณีบันทึกบัญชีในวันเสาร์ที่ 23 เมษายน 25xx และ - อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ประกาศไว้ ณ วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 25xx (บ่าย) ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยนของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันศุกร์ที่ 29 เมษายน 25xx กรณีบันทึกบัญชีในวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 25xx เนื่องจากในวันทำการสุดท้ายของเดือนหนึ่งเดือนใด ธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกประกาศอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการนั้นอีกหนึ่งฉบับ อนึ่ง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ประกาศไว้ ณ วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 25xx (บ่าย) ดังกล่าว ให้ใช้สำหรับการบันทึกบัญชีสำหรับรายการที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 25xx และวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 25xx ด้วย (ถ้ามี)
โดย สุเทพ พงษ์พิทักษ์
ขอบคุณมาก ๆ นะค่ะสำหรับบทความดีๆ
ตอบลบ